รางเคเบิ้ลแลดเดอร์

หลาย ๆ ท่านอาจจะเคยได้ยินชื่อรางเคเบิ้ลแลดเดอร์กันมาบ้างแล้ว ซึ่งรางเคเบิ้ลแลดเดอร์จะเป็นส่วนหนึ่งของการติดตั้งอุปกรณ์สายไฟฟ้า ซึ่งจะได้รับความนิยมใช้เฉพาะในโรงงานอุตสาหกรรมใหญ่ ๆ เท่านั้น รวมถึงห้างสรรพสินค้าที่ต้องการใช้สายไฟเป็นจำนวนมากก็จะใช้รางเคเบิ้ลแลดเดอร์เข้ามาติดตั้งด้วยเช่นกัน เนื่องจากจะมีส่วนช่วยให้พื้นที่ที่ติดตั้งมีความเป็นระเบียบ และสวยงามมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญจะมีส่วนช่วยในเรื่องความปลอดภัยได้เป็นอย่างดี สำหรับจุดเด่นของรางเคเบิ้ลแลดเดอร์คือ สามารถระบายอากาศได้เป็นอย่างดี ไม่สะสมความร้อน แถมยังสามารถใช้ได้ทั้งกับสายไฟฟ้าแรงดันสูง  แรงดันระดับปานกลาง และแรงดันต่ำได้อีกด้วย  

ในส่วนของการเลือกใช้ขนาดของรางในการติดตั้งสายไฟนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะมีเจ้าหน้าที่ช่วยคำนวณออกมาเป็นตัวเลขเสียก่อน โดยการคำนวณจะต้องใช้จากขนาดหน้าตัดของสายไฟ จากนั้นค่อยมาเลือกขนาดสายไฟ แต่โดยในปัจจุบันนี้ จะมีตารางการคำนวณมาให้เสร็จสิ้นแล้ว เพียงแต่คุณจะต้องนำมาเปรียบเทียบว่าต้องใช้สายไฟขนาดเท่าไหร่ เหมาะสำหรับใช้งานกับรางประเภทไหน เพียงเท่านี้ก็สามารถรู้รางเคเบิ้ลแลดเดอร์ที่ต้องใช้แล้วนั่นเอง 

ทำไมถึงต้องใช้รางเคเบิ้ลแลดเดอร์ 

ต้องบอกก่อนว่า ในปัจจุบันรางเคเบิ้ลแลดเดอร์ ที่ขายกันตามท้องตลาดทั่ว ๆ ไป จะมีทั้งหมด 2 ประเภทนั่นเอง ได้แก่  รางเคเบิ้ลแลดเดอร์แบบพ่นสี และรางเคเบิ้ลแลดเดอร์แบบอาบสังกะสี ซึ่งทั้งสองประเภทนี้จะมีความแตกต่างกันออกไป รวมทั้งยังมีขั้นตอนการประกอบที่แตกต่างกันออกไปด้วยเช่นกัน โดยจะมีทั้งการเชื่อมต่อด้วยการขันน็อต และการใช้แบบการเชื่อมปกติ ซึ่งจะเห็นได้เลยว่า การเชื่อมจะให้ความแข็งแรง และทนทานมากกว่า นอกจากนี้รางเคเบิ้ลแลนเดอร์ยังมาพร้อมกับข้อดีอื่น ๆ อีกมากมายเลยทีเดียว แต่จะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย 

  • มีรางเคเบิ้ลแลดเดอร์ให้เลือกใช้งานได้หลากหลายประเภทด้วยกัน 
  • สินค้าทุกชิ้นจะได้รับการผลิตจากเหล็กชั้นดี ที่มีคุณภาพสูง 
  • มีให้เลือกใช้งานหลากหลายขนาด  
  • รางเคเบิ้ลแลดเดอร์จะมีการใช้อุปกรณ์ที่มีความแข็งแรง ทนทาน  มีมาตรฐาน ให้ความคุ้มค่าเป็นอย่างมาก 
  • สามารถติดตั้งได้ในทุกพื้นที่ มีความทนทานในทุกสภาพอากาศ และสามารถรับน้ำหนักได้ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว 

สำหรับใครที่ต้องการใช้รางเคเบิ้ลแลดเดอร์สิ่งแรกที่คุณจำเป็นจะต้องรู้ คือ คุณต้องการนำไปใช้งานในลักษณะไหน ต้องการใช้งานในร่มหรือที่แจ้ง รวมทั้งยังต้องรู้ขนาดของรางด้วยการคำนวณจากหน้างานจริงให้เรียบร้อยเสียก่อน เพื่อที่จะเลือกใช้รางให้เหมาะสมกับลักษณะงานได้มากที่สุด และสุดท้ายการติดตั้งจากเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์ และมีความเชี่ยวชาญจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อที่จะติดตั้งให้ได้ตามมาตรฐาน และมีประสิทธิภาพต่อการใช้งานนั่นเอง